วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ลำดับเหตุการณ์ 7-22 ธันวาคม 2550



7 ธันวาคม พ.ศ.2550 ครอบครัวของคุณประสิทธิ์ สมอินทร์ หรือ "อู๊ด" ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชาวไทยในไต้หวันว่า อู๊ดซึ่งทำงานอยู่ที่ไทเปนั้นป่วยหนัก โดยมีอาการอ่อนเพลีย เหม่อลอย ไม่ยอมพูดจากับใคร ไม่กินข้าว ไม่ดื่มน้ำ เพื่อนๆ ต้องช่วยกันดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ โดยคุณเทิดพงษ์ เจ้าหน้าที่บริษัท CTCI ซึ่งทำหน้าที่ล่าม (หรือ camp boss - หมายเลขติดต่อ 886 - 920808245) ได้พาไปหาหมอ 2 ครั้ง แต่อาการยังไม่ดีนัก

หลังจากทราบข่าว ทางครอบครัวได้รีบแจ้งให้ล่ามช่วยดำเนินการประสานกับนายจ้าง เพื่อให้อู๊ดลาป่วยและกลับมารักษาที่ประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะกลับได้ประมาณวันที่ 11 ธันวาคม 2550



10 ธันวาคม 2550
ตอนเช้า อู๊ดได้เดินเหม่อลอย (เพราะอาการป่วย) ออกจากแคมป์ไป แต่เพื่อนๆ ที่กำลังจะไปทำงานเห็นเข้าพอดีและวิ่งไปดึงตัวกลับมา

ก่อนไปทำงาน "หลี" เพื่อนคนงานที่รักอู๊ดเหมือนน้องชาย ได้ฝากอู๊ดไว้กับล่ามเทิดพงษ์ พร้อมทั้งกำชับว่า
"ดูให้ดีๆนะคนป่วยเดินได้ไกลแล้วจะออกจากแคมป์แล้ว ผมฝากดูน้องผมหน่อย"

ตอนเย็น อู๊ดได้เดินเหม่อลอยออกจากบ้านพักคนงานไปอีกครั้ง โดยที่คุณเทิดพงษ์ซึ่งพบเห็นเหตุการณ์ก็ไม่ได้เฉลียวใจ และคิดว่าอู๊ดอาจจะออกไปเดินเล่นบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น

อู๊ดหายตัวไปนับแต่นั้น

สันนิษฐานว่า อู๊ดซึ่งป่วยจนขาดสติรับรู้อาจจะเดินพลัดหลงจนหายตัวไป

คุณเทิดพงษ์เล่าว่า หลังจากนั้นได้ให้คน 2 คนช่วยกันออกตาม แต่ก็ไม่พบตัวอู๊ด

เมื่อเพื่อนๆคนไทยเลิกงานกลับมาก็ได้ช่วยกันออกตามหาอยู้หลายชั่วโมงแต่ยังไม่พบ

คุณเทิดพงษ์เล่าว่าหลังจากนั้นเขาได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจไต้หวัน เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัวอู๊ดต่อไป (แต่ต่อมา เมื่อคุณมยุรีติดต่อขอให้คุณเทิดพงษ์นำใบแจ้งความไปเดินเรื่องในการติดตามน้องชาย คุณเทิดพงษ์กลับตอบว่าไม่สามารถดำเนินการให้ได้ โดยอ้างว่ากฎหมายของไต้หวันไม่มีการเขียนใบแจ้งความให้ในกรณีของคนต่างด้าว และเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น)



11 ธันวาคม 2550 (1 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรี เก่งเกตุ พี่สาวของอู๊ดซึ่งอยู่ทางเมืองไทย ได้แจ้งไปที่ “สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงแรงงาน” ซึ่งได้รับเรื่องและ Fax ไปยัง "สำนักงานแรงงานไทยในไต้หวัน" ในกรุงไทเป โดยผู้ที่ประสานงานเรื่องนี้คือคุณสมบูรณ์ ได้ดำเนินการโทรศัพท์ไปสอบถามกับล่าม และได้ให้เจ้าหน้าที่ประกาศข่าวทางรายการวิทยุกระจายเสียงภาคภาษาไทยเพื่อตามหาตัวอู๊ดแล้ว



14 ธันวาคม 2550 (4 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้โทรศัพท์พูดคุยปรึกษากับคุณสุพจน์ หัวหน้าสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งได้พยายามปลอบใจว่าอย่าคิดในแง่ร้าย อู๊ดอาจจะมีปัญหาส่วนตัวก็ได้ เช่น ติดการพนันติดเหล้า ติดยาเสพติด หรือมีเรื่องชู้สาว จึงหลบหนีไป

แต่คุณมยุรีก็ยืนยันว่า ได้สอบถามจากเพื่อนๆ คนงานของอู๊ดแล้ว ซึ่งต่างก็รับรองว่า อู๊ดไม่มีปัญหาดังกล่าวแน่นอน อีกทั้งตัวคุณมยุรีเองก็เชื่อว่าอู๊ดไม่มีเจตนาหลบหนีแน่นอน เนื่องจากทราบนิสัยของน้องชายตัวเองดี ที่สำคัญคืออู๊ดพอใจในงานที่ทำอยู่ จึงไม่น่าจะหลบหนีงานไป ส่วนอาการป่วยนั้นเท่าที่ทราบจากเพื่อนๆ คนงานของอู๊ดนั้น เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และดูผิดปกติจนน่าสงสัย หัวหน้าสำนักงานฯ จึงให้คุณมยุรีไปแจ้งรายละเอียดของอู๊ดกับผู้จัดรายการวิทยุกระจายเสียงอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนั้น คุณมยุรียังได้โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจาก "ศูนย์คุ้มครองและดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน กรมการกงสุล" เมื่อพูดคุยกับพนักงานที่รับผิดชอบเขตประเทศไต้หวัน คุณมยุรีได้คำตอบว่าถ้าไปยื่นที่กรมแรงงานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมายื่นเรื่องซ้ำซ้อนอีก เพราะสองหน่วยงานประสานกันอยู่แล้ว และควรจะใจเย็น เพราะได้แจ้งความกับทางตำรวจแล้ว รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันดำเนินการจะดีที่สุด



15 ธันวาคม 2550 (5 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตไปยังศูนย์คุ้มครองและดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน กรมการกงสุล แล้ว และได้รหัสติดตามเรื่องคือ 101/2550



17 ธันวาคม 2550 (7 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้โทรศัพท์ไปถามความคืบหน้า ได้รับคำตอบว่า ส่งเรื่องไปสำนักงานในไต้หวันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ

คุณมยุรีได้ส่ง E-mail และ Fax ไปยังสำนักงานตำรวจไต้หวัน

คุณมยุรีพร้อมด้วยคุณพ่อและคุณแม่ได้ไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพ.ต.ท.อนุชา สุธยดิลก รองผู้กำกับการตำรวจสากล กองการต่างประเทศ ซึ่งพ.ต.ท.อนุชาได้กล่าวว่า ที่ไต้หวันไม่มีสำนักงานตำรวจสากลที่ท่านสามารถประสานงานได้ แต่ก็ได้ดำเนินการทำหนังสือแจ้งไปยังทางตำรวจไต้หวันให้โดยทันทีแล้ว



18 ธันวาคม 2550 (8 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้โทรศัพท์ปรึกษาไปยัง "ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์" มูลนิธิกระจกเงา เจ้าหน้าที่ศูนย์ได้ขอให้ส่งรายละเอียดไปให้ คุณมยุรีจึงได้ส่งไปทาง E-mail



19 ธันวาคม 2550 (9 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้รับการติดต่อจาก คุณเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ในการขอข้อมูลเพิ่มเติม และได้ขอเวลาหาข้อมูลว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะประสานงานไปตามหน่วยงานและมูลนิธิต่างๆ



20 ธันวาคม 2550 (10 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้โทรศัพท์ถามความคืบหน้ากับคุณสมบูรณ์ "สำนักงานแรงงานไทยในไต้หวัน" ซึ่งทำให้ทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจไต้หวันได้รับจดหมายร้องเรียนที่คุณมยุรีส่งไปจากประเทศไทย และได้สอบถามมายังคุณสมบูรณ์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการป่วยของอู๊ดไป และทางตำรวจรับว่าจะสั่งการไปยังตำรวจท้องที่อีกครั้ง

ช่วงเย็นคุณเอกลักษณ์ ได้โทรศัพท์มาหาคุณมยุรี และอธิบายว่าจากการสอบถามผู้มีประสบการณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทราบว่า key man ที่สำคัญในเรื่องนี้คือ คุณสุพจน์ คงสุพัทธ์ หัวหน้าศูนย์แรงงานไทยในไทเป ซึ่งหากคุณสุพจน์จริงจังกับกรณีนี้และติดตามให้อย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว

คุณเอกลักษณ์จึงแนะนำให้คุณมยุรีโทรศัพท์ถึงล่าม คือคุณเทิดพงษ์ เพื่อขอใบแจ้งความจากสถานีตำรวจเพื่อนำไปพบคุณสุพจน์ โดยให้คุณเทิดพงษ์ทำหน้าที่เสมือนตัวแทนญาติ เข้าไปขอความช่วยเหลือตัวแทนภาครัฐของไทย คือคุณสุพจน์



21 ธันวาคม 2550 (11 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
คุณมยุรีได้โทรศัพท์ถึงคุณเทิดพงษ์ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เพราะกฎหมายของไต้หวันไม่มีการเขียนใบแจ้งความให้ในกรณีของคนต่างด้าว และเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น

คุณมยุรีจึงโทรศัพท์แจ้งเหตุการณ์ต่อคุณสัญญา(สามีของคุณมยุรี) ให้ช่วยประสานไปยังคุณเอกลักษณ์ (เนื่องจากคุณมยุรีซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ จำเป็นต้องคุมสอบ) ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เพราะล่ามบอกว่าไม่มีใบแจ้งความ

เวลาประมาณเที่ยง คุณสัญญาโทรศัพท์กลับมาบอกคุณมยุรีว่า คุณเอกลักษณ์แนะนำให้โทรศัพท์ไปคุยกับคุณสุพจน์โดยตรง เพื่อสอบถามดูว่าคุณสุพจน์ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง

มยุรีได้โทรศัพท์ไปหาคุณเอกลักษณ์ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับล่ามเทิดพงษ์เพิ่มเติมว่า หลี - เพื่อนคนไทยของอู๊ดในแคมป์ได้เล่าว่า ล่ามเทิดพงษ์ห้ามคนไทยที่รู้เห็นเหตุการณ์หายตัวไปของอู๊ดว่า "อย่าพูดมากไป"

หลีเล่าด้วยว่า เขาเสียใจมากต่อเหตุการณ์นี้ เนื่องจากก่อนที่อู๊ดจะหายไปในเย็นวันที่ 10ธันวาคม อู๊ดเคยเดินออกจากแคมป์ไปครั้งหนึ่งแล้วในตอนเช้า แต่เพื่อนๆ ที่กำลังจะไปทำงานเห็นเข้าพอดีและวิ่งไปดึงตัวกลับมา ก่อนไปทำงานแล้วหลีจึงได้ฝากอู๊ดซึ่งเขารักเหมือนน้องชายไว้กับล่ามเทิดพงษ์ พร้อมทั้งกำชับว่า "ดูให้ดีๆนะคนป่วยเดินได้ไกลแล้วจะออกจากแคมป์แล้ว ผมฝากดูน้องผมหน่อย" เมื่อหลีมาตอนเย็นและทราบว่าน้องหายไป และได้ช่วยกันหาอยู่นานแต่ก็ไม่พบจึงเสียใจมาก หลีดื่มเหล้าจนเมาและต่อว่าล่ามเทิดพงษ์อย่างรุนแรงจนเกือบจะชกต่อยกัน หลังจากวันนั้นหลีถูกหัวหน้างานเรียกพบและตักเตือนว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก หลีจะถูกส่งกลับประเทศไทย

หลังจากได้ฟังเรื่องราว คุณเอกลักษณ์สรุปว่า "แสดงว่ากลไกล่ามมีปัญหา" และขอเวลาปรึกษากันก่อนแล้วจะโทรศัพท์แจ้งอีกครั้ง

เวลาประมาณ 15.30 น. คุณสัญญาได้โทรไปหาคุณสุพจน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
เวลา16.30 น.คุณเอกลักษณ์โทรศพท์มาหาคุณมยุรี ขอให้ส่งสำเนาบัตรประชาชนไปให้ทางมูลนิธิ เพื่อส่งต่อไปยังเอกอัคราชทูตไทย ฝ่ายแรงงาน ประจำประเทศไต้หวัน และขอให้คุณมยุรีช่วยตรวจสอบร่างหนังสือที่ทางมูลนิธิจะประสานไปยังเอกอัคราชทูตไทย ฝ่ายแรงงาน ประจำประเทศไต้หวัน

คุณมยุรีและคุณสัญญาจึงได้ช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบางข้อมูลในร่างหนังสือ ก่อนจะส่งกลับไปให้คุณเอกลักษณ์



22 ธันวาคม 2550 (12 วัน หลังจากอู๊ดหายตัวไป)
(ช่วงค่ำ) มีการประชุมกันระหว่างบริษัทเอเย่นต์ในไต้หวันกับคนงานไทย ที่แคมป์คนไทย คนที่ส่งข่าวในเรื่องนี้เป็นคนงานไทยชื่อ "หลี" โดยก่อนที่จะมีการประชุมหลีได้โทรศัพท์แจ้งมาว่า เขาจะสอบถามเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อการหายตัวไปประสิทธิ์ในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งเรื่องที่ทางครอบครัวได้ฝากถามว่าถ้ายังหาตัวประสิทธิ์ไม่เจอ ทางบริษัทจะจ้างนักสืบมาช่วยตามหาให้ได้หรือไม่

หลีเล่าว่า ในช่วงแรกของการประชุมล่ามไม่เปิดโอกาสให้พูดเรื่องนี้ โดยบอกว่าคุยเรื่องอื่นก่อน เช่น เรื่องขอเพิ่มค่าอาหารจาก 2,800 เป็น 3,500 ซึ่งฝ่ายแรงงานไม่เห็นด้วย ส่วนในความคืบหน้าเรื่องประสิทธิ์นั้น เขา(ล่าม)จะคุยเป็นการส่วนตัวหรือกลุ่มย่อย

จากการคุยกลุ่มย่อย คำตอบจากล่ามในเรื่องประสิทธิ์คือ ล่ามเทิดพงษ์ได้ทำทุกทางแล้ว คือส่งเอกสารแจ้งตำรวจ และแจ้งไปยังมูลนิธิหลายๆ ที่ เมื่อถูกคนไทยถามเรื่องจ้างนักสืบ ก็บอกว่า จะใช้เงินที่ไหนมาจ้างเป็นหมื่นสองหมื่น สรุปคือจะไม่จ้างนั่นเอง ทั้งที่เคยรับปากว่าจะคุยเรื่องนี้กับทางบริษัทนายจ้างให้



ใครคือ "อู๊ด" ?

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อมยุรี เก่งเกตุ เป็นพี่สาวคนโตของอู๊ดค่ะ

ภูมิลำเนาเดิมของดิฉันอยู่ที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พ่อแม่ของเรามีลูก 3 คนดิฉันเป็นคนโต มีน้องชาย 2 คน คนรองชื่อประเสริฐ (อ๊อด) สมอินทร์ และคนเล็กที่หายไป ชื่อประสิทธิ์ สมอินทร์ ซึ่งก็คือ "อู๊ด"

ปัจจุบันดิฉันเป็นอาจารย์อยู่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติค่ะ น้องคนรองทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่นิคมอมตะนคร

ส่วนอู๊ดน้องคนเล็กมีปัญหาด้านการเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยม เลยเรียนน้อยที่สุด คือจบม.6 จาก ก.ศ.น.

อู๊ดไม่ชอบค้าขาย ทั้งที่บ้านเราที่ศรีบุญเรืองสามารถเปิดเป็นร้านค้าได้ เขาชอบงานช่างมากกว่า จึงได้ไปเรียนที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพและถนัดในงานช่างเชื่อม อู๊ดเคยทำงานก่อสร้างในเมืองไทยกับบริษัทอิตาเลี่ยนไทย แต่เนื่องจากงานค่อนข้างเสี่ยงทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ต่อมาเขาจึงได้ลาออกและไปทำงานโรงงานในนิคมอมตะนครกับพี่ชาย

ชีวิตอู๊ดทนลำบากมาหลายครั้ง ทั้งกับการทำงานก่อสร้าง และจากการที่ต้องไปเป็นทหารถึง 2 ปีเพราะจับได้ใบแดง สิ่งเหล่านี้ทำให้อู๊ดเป็นคนสุขุมและอดทน


ต่อมามีญาติของเราไปทำงานที่ไต้หวันและได้เงินเดือนค่อนข้างจะดี (เป็นงานโรงงานเหมือนทำในไทย) ญาติเล่าว่าความเป็นอยู่ก็ไม่ลำบากมาก อู๊ดจึงอยากลองไปทำดูบ้างเผื่อจะได้เก็บเงินซักก้อน ประกอบกับอายุยังน้อยและยังไม่มีครอบครัว จึงสามารถตัดสินใจได้ง่าย

ครั้งแรกที่ไป อู๊ดติดต่อผ่านเอเยนต์ โดยจ่ายเงินไป 140,000 บาท ช่วงแรกๆ ก็ดี เป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วน เงินดี เพราะมีค่าล่องเวลา (โอที) ให้ด้วย อู๊ดจึงสามารถส่งเงินกลับมาให้แม่เก็บไว้ได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 25,000 บาทขึ้นไป แต่ทำอยู่ได้ประมาณ 1 ปี โรงงานก็ยุบ อู๊ดถูกส่งไปอยู่ที่อื่นเงินเดือนน้อยมาก จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาก่อน

กลับมาพักได้ไม่กี่เดือน อู๊ดก็หาทางไปไต้หวันอีก เพราะยังอยากไปทำงานเก็บเงินเพิ่ม ทั้งที่รอบนี้พ่อกับแม่ไม่อยากให้ไป กลัวถูกหลอก เพราะหลานที่เพิ่งไปได้งานไม่ดีเหมือนที่บริษัทอ้าง แต่น้องชายของดิฉันก็ยืนยันที่จะไป

รอบนี้ อู๊ดต้องจ่ายให้บริษัทเหลียนหยางถึง 150,000 บาท ซึ่งตัวแทนของบริษัทหรือนายหน้าอ้างว่างานดี เงินเดือนดี เป็นงานขับรถเจาะดิน ไม่ได้ทำงานหนัก น้องชายก็เลยขอไป ทั้งที่ดิฉันคัดค้านมากจนแทบจะทะเลาะกัน

พอไปถึงจริงๆ ช่วงแรกต้องลงไปทำงานในอุโมงค์ใต้ดิน ที่จะเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนในช่วงโอทีอู๊ดก็ต้องเฝ้ายามอยู่ที่นั่น โดยยามคนหนึ่งเฝ้าด้านบน อีกคนลงไปเฝ้าด้านล่าง คิดดูว่าคนทางนี้ฟังแล้วจะเป็นห่วงขนาดไหน ดิฉันนึกขึ้นมาทีไรยังกลัวแทนน้องทุกที

ดิฉันเคยได่ยินพ่อคุยโทรศัพท์กับน้องแล้วบอกว่า ให้กำดินขึ้นมาแล้วอธิษฐานว่า
"ให้แม่พระธรณีปกปักรักษาลูกด้วยเถิด"


อู๊ดทำอยู่อย่างนั้นประมาณ 4 เดือนก็ได้เลื่อนขึ้นมาทำหน้าที่เชื่อม (อู๊ดเคยเล่าว่า ที่นั่นมักจะให้คนที่ไปใหม่ๆ เฝ้ายาม) ซึ่งเขาก็ชอบมากกว่า ส่วนเรื่องเงินที่นายหน้าบอกว่าจะได้ประมาณสี่หมื่น ก็ไม่ถึง แถมต้องถูกหักค่าอะไรต่างๆ เป็นหมื่น อู๊ดเหลือไว้ใช้ห้าพัน ที่เหลือส่งกลับบ้าน เงินที่ถูกหักไปส่วนหนึ่งเป็นค่าล่าม (ของบริษัทเอเยนต์)


10 ธันวาคม ปีนี้ น้องชายของดิฉันก็หายไป
และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครพบตัวหรือทราบข่าวคราวใดๆ ของเขาอีกเลย



คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงต่างจากพี่ๆ ต้องทำงานหนัก

เราอยากจะส่งเสียให้น้องเรียนเพิ่มเสมอ หรือหากเขาอยากจะทำอะไรเราก็ยินดีจะช่วยหาเงินมาลงทุนให้ แต่อู๊ดก็ไม่เอา

อู๊ดเป็นคนอย่างนั้นเอง ถึงเขาจะมีรายได้น้อยยังไง ลำบากยังไง เขาก็ไม่เคยรบกวนพี่เลย นอกจากพี่จะให้เขาเอง ที่สำคัญอู๊ดเป็นคนกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ไม่ว่าจะมีเงินน้อยยังไงเขาก็ต้องให้พ่อแม่บ้าง อู๊ดภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้ให้ แม้แต่ดิฉันในเวลาจำเป็นก็ยังเคยหยิบยืมเงินเขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอู๊ดไม่เคยหวงเลย


ค่ะ น้องชายคนเล็กของดิฉันหายไป
และจนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้ยินข่าวของเขาเลย


ดิฉันได้คุยกับอ๊อดน้องชายคนรองไว้ว่า เมื่อครบ 1 เดือนที่อู๊ดหายไป แล้วการตามหายังไม่มีความคืบหน้าอยู่อย่างนี้ เราจะไม่ยอมเพียงแค่รอฟังข่าวอยู่บ้านและร้องเรียนไปตามหน่วยงานต่างๆ อีกต่อไปแล้ว แต่เราจะหาหนทางที่จะไปตามน้องที่ไทเปเอง แม้รู้ดีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอ แต่เป็นสิ่งที่เราสองคนพี่น้องอยากจะทำเพื่อน้องของเรา และทำให้พ่อแม่มีความหวังมากยิ่งขึ้น

เราอยากบอกว่า แม้อู๊ดจะเป็นเพียงผู้ใช้แรงงานคนหนึ่ง ไม่ใช่คนโด่งดังหรือมีชื่อเสียง แต่เขาสำคัญที่สุดในครอบครัวของเรา โดยเฉพาะกับหัวอกคนเป็นพ่อแม่

ท่านจะเสียใจไปอีกนานเท่าไหร่หากอู๊ดไม่กลับมา..........



หากคุณผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหรือคำแนะนำใดๆ ที่พอจะช่วยเราในการตามหาน้องได้บ้าง ได้โปรดแจ้งให้ดิฉันทราบด้วยนะคะ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
มยุรี สมอินทร์

จดหมายของคุณมยุรี : ขอคำแนะนำเรื่องไปตามหาน้องที่ไต้หวัน

สวัสดีค่ะ
ดิฉันชื่อมยุรี สมอินทร์ (แดง) เป็นพี่สาวคนโตของอู๊ด ขออนุญาตแจ้งสถานการณ์เพื่อคำปรึกษาและความช่วยเหลือในการตามหาน้องชายดังนี้

ล่าสุด เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในการตามหาอู๊ด ทางครอบครัวจึงได้คุยกันว่า เราจะรอฟังข่าวจากทางไต้หวันจนถึงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นยังไม่พบตัว ดิฉันกับน้องชายอีกคน(อ๊อด-ประเสริฐ สมอินทร์) ก็จะเดินทางไปไต้หวันเพื่อตามหาน้องชายของเราเอง ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพื่อวางแผนเตรียมตัวก่อนเดินทาง จึงขอคำแนะนำจากหลายๆ ท่าน ดังนี้

1. เราจะสามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง เพื่อมาทำหน้าที่ล่ามให้เรา (เรามีงบประมาณจำกัด)

2. การตามหาควรจะเป็นลักษณะใดบ้าง เช่น เดินเพื่อแจกใบปลิว (ซึ่งมีรูป และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับ) ประกาศผ่านทางสื่อมวลชน (เช่น หนังสือพิมพ์, โทรทัศน์)

3. งบประมาณที่ต้องเตรียมไว้สำหรับเวลา 7 วัน คือเท่าใด(โดยประมาณ) เนื่องจากในการเดินทางครั้งนี้เราจำเป็นต้องประหยัด เพราะต้องการเก็บเงินไว้สำหรับกรณีที่ทำทุกหนทางแล้ว ยังหาอู๊ดไม่เจอ จะได้มีเงินเหลือพอที่จะจ้างนักสืบ หรือลงโฆษณา รวมทั้งให้รางวัลแก่คนที่พบหรือแจ้งเบาะแสในการติดตาม

คุณพ่อบอกว่า ท่านเก็บเงินที่อู๊ดทำงานส่งมาให้รวมได้ประมาณ 1 แสนบาทแล้ว ซึ่งขอแบ่งไว้ทำบุญสองหมื่น (ตามความเชื่อ คือเพื่อให้สามารถพบอู๊ดได้เร็วขึ้น) ที่เหลือจะยกให้เป็นค่าใช้ในการติดตามน้องกลับมา แต่ดิฉันกับอ๊อดไม่ต้องการใช้เงินของน้อง จึงขอออกค่าใช้จ่ายในการไปไต้หวันกันเอง ส่วนเงินของอู๊ดนั้นเราจะเก็บไว้ใช้จ่ายในกรณีที่จำเป็นจริงๆ และเรามีเงินเหลือไม่พอ เช่น เพื่อให้เป็นรางวัลแก่คนแจ้ง เพราะเราต้องการน้องกลับมามากกว่าที่จะเก็บเงินของเขาเอาไว้ โดยที่เขาอาจไม่มีโอกาสใช้มัน

เราทราบดีว่าการตัดสินใจว่าไปไต้หวันกันเองนั้น อาจจะมีความหวังไม่มากนักว่าจะได้เจอน้อง แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราสองคนซึ่งเป็นพี่อยากจะทำเพื่อเขา แม้เงินที่จ่ายไปอาจไม่คุ้มค่าอะไรหากไม่ได้พบอู๊ด เราก็จะขอลองทำ เพราะเรารู้สึกว่าไม่สามารถทนอยู่เฉยๆ ทางนี้เพื่อรอความหวังจากคนอื่นๆ เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไปแล้ว เราควรต้องลงมือทำเองบ้าง

เราไม่ทราบว่าการไปตามหาน้องครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เราก็จะทำเพื่อเขา เราอยากให้ทุกคนรู้ว่า แม้อู๊ดจะเป็นเพียงผู้ใช้แรงงาน ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ชีวิตของเขาก็มีความสำคัญ

เขาคือคนสำคัญที่สุดในครอบครัวของเรา และมีความหมายต่อชีวิตต่อจิตใจของพ่อแม่และพี่สาวพี่ชายของเขามาก

เราบอกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องที่นั่นได้ทราบด้วยว่า เขาควรเอาใจใส่ชีวิตของแรงงานไทยเช่นเดียวพลเมืองไต้หวัน

ตอนนี้ดิฉันกังวลมาก เป็นห่วงน้องมาก แต่ก็รู้สึกว่ายังมองไม่เห็นทาง ยังไม่ทราบควรทำอย่างไรดี และไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร จึงอยากขอความกรุณาท่านใดที่มีข้อมูล หรือคำแนะนำ ได้โปรดช่วยคิดหาทางออกให้ด้วยค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ
มยุรี เก่งเกตุ

23 ธันวาคม 2550

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ข้อมูลโดยสรุป

ประสิทธิ์ สมอินทร์ (อู๊ด) อายุ 28 ปี ได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวันเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ก่อนจะล้มป่วยหนักจนญาติต้องขอให้ส่งตัวกลับมารักษาที่เมืองไทย ซึ่งกำหนดเดินทางกลับคือ 11 ธันวาคม 2550

เย็นวันที่ 10 ธันวาคม 2550 มีคนเห็นอู๊ดได้เดินเหม่อลอย (เพราะอาการป่วย)ออกจากแคมป์ที่พัก ก่อนจะหายตัวไปจนบัดนี้ โดยไม่มีเบาะแสหรือความคืบหน้าใดๆ ในการตามหา


ล่าสุดคุณแดง - มยุรี เก่งเกตุ เพื่อนของผม ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตของอู๊ด ผู้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อติดตามหาน้องชาย ได้ตัดสินใจแล้วว่า


หากภายในสิ้นปีนี้ยังไม่มีคืบหน้าใดๆ เธอและอ๊อด (ประสิทธิ์ สมอินทร์ - น้องชายของคุณแดงและพี่ชายของอู๊ด) จะเดินทางไปตามหาน้องชายคนเล็กที่ประเทศไต้หวันด้วยตัวเอง เพราะเป็นห่วงน้องชายและไม่อาจทนทรมานกับการรอคอยที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ต่อไปอีกได้


ผมจึงเปิด blog นี้ขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ หากท่านใดพบเห็นคุณประสิทธิ์หรืออู๊ด (บุคคลในภาพถ่าย) หรือสามารถแจ้งเบาะแสใดๆ ที่จะช่วยในการตามน้องชายของเพื่อนผมกลับบ้านได้ โปรดแจ้งมาที่

คุณมยุรี เก่งเกตุ (พี่สาวของอู๊ด) 089-764-4431, 02–384-7755
คุณสัญญา เก่งเกตุ (สามีของคุณมยุรี) 089-772-4132
หรือส่ง E-mail ถึงคุณแดงที่ mayuree_kengkate@yahoo.com
หรือโพสต์ข้อมูลไว้ใน blog นี้

และขอความกรุณาแจ้งข้อมูลนี้ต่อๆ ไปยังบุคคลที่ท่านคิดว่าสามารถให้ความช่วยเหลือในการตามหาอู๊ดได้

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
กานต์ ณ กานท์





หมายเหตุ
ข้อมูลของผู้สูญหาย
ชื่อ ประสิทธิ์ สมอินทร์(อู๊ด)บัตรประชาชนเลขที่ 3 4113 00170 795 หมายเลขหนังสือเดินทาง (passport) X622919
ที่อยู่ เลขที่ 169 Chung-kang south road, Tai-san shian,Taipei county, Taiwan R.O.C.

ผู้สูญหายได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ประเทศไต้หวัน โดยผ่านพิธีการที่ถูกต้องตามกฏหมาย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2550กับบริษัท CTCI ตลอดเวลาที่อยู่ไต้หวัน นายประสิทธิ์ทำงานก่อสร้างดังกล่าวด้วยดีตลอดมา มีการโทรศัพท์กลับบ้านอย่างสม่ำเสมอ และไม่มีความผิดปกติใด

ญาติผู้รับผิดชอบการติดตามหาผู้สูญหาย
คุณมยุรี เก่งเกตุ (พี่สาว)089 7644431 , 023847755
คุณสัญญา เก่งเกตุ (สามีของคุณมยุรี) 089 7724132

เบอร์โทรศัพท์ผู้ที่เกี่ยวข้อง
คุณเทิดพงษ์(ล่าม - camp boss)ของบริษัท CTCI: 089-208-08245
คุณสมบูรณ์(เจ้าหน้าที่ศูนย์แรงงานไทยในไทเป): 02-270-11413
หลี (เพื่อนคนไทยของอู๊ดในไทเป): 886-939-591-869
ณรงค์ (เพื่อนคนไทยของอู๊ดในไทเป): 886-953-211-637