วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ใครคือ "อู๊ด" ?

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อมยุรี เก่งเกตุ เป็นพี่สาวคนโตของอู๊ดค่ะ

ภูมิลำเนาเดิมของดิฉันอยู่ที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พ่อแม่ของเรามีลูก 3 คนดิฉันเป็นคนโต มีน้องชาย 2 คน คนรองชื่อประเสริฐ (อ๊อด) สมอินทร์ และคนเล็กที่หายไป ชื่อประสิทธิ์ สมอินทร์ ซึ่งก็คือ "อู๊ด"

ปัจจุบันดิฉันเป็นอาจารย์อยู่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติค่ะ น้องคนรองทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่นิคมอมตะนคร

ส่วนอู๊ดน้องคนเล็กมีปัญหาด้านการเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยม เลยเรียนน้อยที่สุด คือจบม.6 จาก ก.ศ.น.

อู๊ดไม่ชอบค้าขาย ทั้งที่บ้านเราที่ศรีบุญเรืองสามารถเปิดเป็นร้านค้าได้ เขาชอบงานช่างมากกว่า จึงได้ไปเรียนที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพและถนัดในงานช่างเชื่อม อู๊ดเคยทำงานก่อสร้างในเมืองไทยกับบริษัทอิตาเลี่ยนไทย แต่เนื่องจากงานค่อนข้างเสี่ยงทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ต่อมาเขาจึงได้ลาออกและไปทำงานโรงงานในนิคมอมตะนครกับพี่ชาย

ชีวิตอู๊ดทนลำบากมาหลายครั้ง ทั้งกับการทำงานก่อสร้าง และจากการที่ต้องไปเป็นทหารถึง 2 ปีเพราะจับได้ใบแดง สิ่งเหล่านี้ทำให้อู๊ดเป็นคนสุขุมและอดทน


ต่อมามีญาติของเราไปทำงานที่ไต้หวันและได้เงินเดือนค่อนข้างจะดี (เป็นงานโรงงานเหมือนทำในไทย) ญาติเล่าว่าความเป็นอยู่ก็ไม่ลำบากมาก อู๊ดจึงอยากลองไปทำดูบ้างเผื่อจะได้เก็บเงินซักก้อน ประกอบกับอายุยังน้อยและยังไม่มีครอบครัว จึงสามารถตัดสินใจได้ง่าย

ครั้งแรกที่ไป อู๊ดติดต่อผ่านเอเยนต์ โดยจ่ายเงินไป 140,000 บาท ช่วงแรกๆ ก็ดี เป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วน เงินดี เพราะมีค่าล่องเวลา (โอที) ให้ด้วย อู๊ดจึงสามารถส่งเงินกลับมาให้แม่เก็บไว้ได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 25,000 บาทขึ้นไป แต่ทำอยู่ได้ประมาณ 1 ปี โรงงานก็ยุบ อู๊ดถูกส่งไปอยู่ที่อื่นเงินเดือนน้อยมาก จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาก่อน

กลับมาพักได้ไม่กี่เดือน อู๊ดก็หาทางไปไต้หวันอีก เพราะยังอยากไปทำงานเก็บเงินเพิ่ม ทั้งที่รอบนี้พ่อกับแม่ไม่อยากให้ไป กลัวถูกหลอก เพราะหลานที่เพิ่งไปได้งานไม่ดีเหมือนที่บริษัทอ้าง แต่น้องชายของดิฉันก็ยืนยันที่จะไป

รอบนี้ อู๊ดต้องจ่ายให้บริษัทเหลียนหยางถึง 150,000 บาท ซึ่งตัวแทนของบริษัทหรือนายหน้าอ้างว่างานดี เงินเดือนดี เป็นงานขับรถเจาะดิน ไม่ได้ทำงานหนัก น้องชายก็เลยขอไป ทั้งที่ดิฉันคัดค้านมากจนแทบจะทะเลาะกัน

พอไปถึงจริงๆ ช่วงแรกต้องลงไปทำงานในอุโมงค์ใต้ดิน ที่จะเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนในช่วงโอทีอู๊ดก็ต้องเฝ้ายามอยู่ที่นั่น โดยยามคนหนึ่งเฝ้าด้านบน อีกคนลงไปเฝ้าด้านล่าง คิดดูว่าคนทางนี้ฟังแล้วจะเป็นห่วงขนาดไหน ดิฉันนึกขึ้นมาทีไรยังกลัวแทนน้องทุกที

ดิฉันเคยได่ยินพ่อคุยโทรศัพท์กับน้องแล้วบอกว่า ให้กำดินขึ้นมาแล้วอธิษฐานว่า
"ให้แม่พระธรณีปกปักรักษาลูกด้วยเถิด"


อู๊ดทำอยู่อย่างนั้นประมาณ 4 เดือนก็ได้เลื่อนขึ้นมาทำหน้าที่เชื่อม (อู๊ดเคยเล่าว่า ที่นั่นมักจะให้คนที่ไปใหม่ๆ เฝ้ายาม) ซึ่งเขาก็ชอบมากกว่า ส่วนเรื่องเงินที่นายหน้าบอกว่าจะได้ประมาณสี่หมื่น ก็ไม่ถึง แถมต้องถูกหักค่าอะไรต่างๆ เป็นหมื่น อู๊ดเหลือไว้ใช้ห้าพัน ที่เหลือส่งกลับบ้าน เงินที่ถูกหักไปส่วนหนึ่งเป็นค่าล่าม (ของบริษัทเอเยนต์)


10 ธันวาคม ปีนี้ น้องชายของดิฉันก็หายไป
และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครพบตัวหรือทราบข่าวคราวใดๆ ของเขาอีกเลย



คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงต่างจากพี่ๆ ต้องทำงานหนัก

เราอยากจะส่งเสียให้น้องเรียนเพิ่มเสมอ หรือหากเขาอยากจะทำอะไรเราก็ยินดีจะช่วยหาเงินมาลงทุนให้ แต่อู๊ดก็ไม่เอา

อู๊ดเป็นคนอย่างนั้นเอง ถึงเขาจะมีรายได้น้อยยังไง ลำบากยังไง เขาก็ไม่เคยรบกวนพี่เลย นอกจากพี่จะให้เขาเอง ที่สำคัญอู๊ดเป็นคนกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ไม่ว่าจะมีเงินน้อยยังไงเขาก็ต้องให้พ่อแม่บ้าง อู๊ดภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้ให้ แม้แต่ดิฉันในเวลาจำเป็นก็ยังเคยหยิบยืมเงินเขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอู๊ดไม่เคยหวงเลย


ค่ะ น้องชายคนเล็กของดิฉันหายไป
และจนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้ยินข่าวของเขาเลย


ดิฉันได้คุยกับอ๊อดน้องชายคนรองไว้ว่า เมื่อครบ 1 เดือนที่อู๊ดหายไป แล้วการตามหายังไม่มีความคืบหน้าอยู่อย่างนี้ เราจะไม่ยอมเพียงแค่รอฟังข่าวอยู่บ้านและร้องเรียนไปตามหน่วยงานต่างๆ อีกต่อไปแล้ว แต่เราจะหาหนทางที่จะไปตามน้องที่ไทเปเอง แม้รู้ดีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอ แต่เป็นสิ่งที่เราสองคนพี่น้องอยากจะทำเพื่อน้องของเรา และทำให้พ่อแม่มีความหวังมากยิ่งขึ้น

เราอยากบอกว่า แม้อู๊ดจะเป็นเพียงผู้ใช้แรงงานคนหนึ่ง ไม่ใช่คนโด่งดังหรือมีชื่อเสียง แต่เขาสำคัญที่สุดในครอบครัวของเรา โดยเฉพาะกับหัวอกคนเป็นพ่อแม่

ท่านจะเสียใจไปอีกนานเท่าไหร่หากอู๊ดไม่กลับมา..........



หากคุณผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหรือคำแนะนำใดๆ ที่พอจะช่วยเราในการตามหาน้องได้บ้าง ได้โปรดแจ้งให้ดิฉันทราบด้วยนะคะ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
มยุรี สมอินทร์

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ฟันธง พี่แกหนีแทกชัวร์ ผมก็เคยไปทำงานที่ใต้หวันเหมือนกัน ถ้างานไม่ดี โอทีไม่มีก็จำเป็นต้องหนี เพราะเงินไม่พอส่งดอกเบี้ยแบ็งค์ อย่าไปโทษบริษัทเลยคุณคิดดูเมืองไทยกับใต้หวันห่างกันตั้ง2000ไมล์บริษัทที่ใหนเขาจะดูแลคนได้หมดทั่วประเทศ พี่แกตัดสินใจดีแล้ว เพียงแต่ตอนนี้พี่แกหนีตำหรวจหากยิ่งดิ้นพี่แกก็ยิ่งอันตรายแต่ถ้าคุณเงียบใว้ไม่นานพี่แกก็ต้องติดต่อกลับมาสู่แผ่นดินแม่อย่างแน่นอน(ฟันธงไม่เกิน3เดือน)